Logo Setseaw
A LITTLE THAI DIARY
มุมมองเล็กๆ แง่คิดน้อยๆ ของชีวิต
A little thai diary by บอน http://wetlab.cjb.net
Select Soldier : บันทึกประสบการณ์การคัดเลือกทหารกองเกินปี 2543 ที่กาฬสินธุ์

หน้าที่อย่างหนึ่งของลูกผู้ชายไทยคือ เมื่ออายุครบ 21 ปีต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหาร เป็นระยะเวลา 2 ปี
แต่ในอดีตที่ผ่านมาได้มีการพูดถึงการเกณฑ์ทหารในอีกแง่มุมหนึ่ง ทำให้ผู้ปกครองหลายท่านพยายามทุกวิถีทางในการทำให้บุตรของตนไม่ต้องเป็นทหาร

การเป็นทหาร เป็นการฝึกระเบียบวินัย ฝึกความอดทน และฝึกให้เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว แต่ลูกผู้ชายหลายคนก็กลัวการเป็นทหาร ซึ่งทางกองทัพบกก็มีข้อยกเว้นให้หลายๆกรณี เช่น ถ้าเรียน ร.ด. 3 ปีก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ถ้ากำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษาอยู่ก็สามารถทำหนังสือขอผ่อนผันได้จนถึงอายุครบ 26 ปีบริบูรณ์ หรือถ้าเป็นโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร แขน ขา มือ เท้า ผิดปกติ ก็ไม่ต้องรับราชการทหาร

ในช่วงวันที่ 1-11 เม.ย ของทุกปี จะเป็นช่วงของการคัดเลือกทหาร เป็นอีกช่วงหนึ่งที่หลายคนกลุ้มอกกลุ้มใจ หาวิธีที่จะไม่ต้องเป็นทหาร มีหลายรายไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ช่วยเหลือ มีรุ่นน้องคนหนึ่งทำงานที่ ร.พ.กาฬสินธุ์ ไปดูหมอมา หมอก็ทายว่าจะจับได้ใบแดง เขาไปสะเดาะเคราะห์มาเรียบร้อย

วันจับสลากคัดเลือกทหาร ก็ยังได้ใบแดงอยู่ดี อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด บางรายก็พยายามทำตัวให้ดูป่วยเข้าไว้ ไปซื้อใบรับรองแพทย์ ให้แพทย์เขียนว่าเป็นโรคหัวใจบ้าง และอีกสารพัดโรค แต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ตรวจร่างกายผู้เข้ารับการคัดเลือกทหารมักจะรู้มันทุกที หลายคนแม้จะมีใบรับรองแพทย์มายืนยันอย่างดี แต่เมื่อถูกวินิจฉัยเบื้องต้นแล้ว ก็ต้องเข้าคิวรอการจับ "ใบดำ ใบแดง" อยู่ดี

สีสันอีกอย่างหนึ่งในวันคัดเลือกทหาร นอกจากจะมีลูกผู้ชายเต็มตัวมาคัดเลือกทหารแล้ว ลูกผู้ชายครึ่งและผู้หญิงครึ่งก็ต้องมาคัดเลือกด้วย รวมไปถึงที่แปลงเพศมาเรียบร้อยแล้ว และที่ขาดไม่ได้เลยคือ บรรดากองเชียร์ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ ๆ และสาวๆ ตามมาเชียร์ตอน จับสลากใบดำ ใบแดงอย่างคับคั่ง

วันที่ 8 เม.ย.2543 ณ หอประชุมอำเภอเมือง จ.กาฬสินธุ์ เป็นวันคัดเลือกทหารของ ต.เหนือ ต.โพนทอง ต.ภูปอ ต.ขมิ้น และ ต.กาฬสินธุ์ มีผู้ที่ต้องเข้ารับการคัดเลือก 225 คน แต่จำนวนทหารใหม่ที่ต้องการจากการคัดเลือกในวันนี้คือ 81 คน เพื่อเข้าไปรับราชการทหารในจังหวัดทหารบกลพบุรี, กรุงเทพ และเพชรบุรี ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นนโยบายใหม่ของกองทัพ ที่ให้ไปรับราชการทหารไกลๆ กลัวว่า ทหารใหม่จะแอบหนีกลับบ้าน หากรับราชการอยู่ใกล้ๆจังหวัดของตน

ในปีนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า มีผู้ที่สมัครเป็นทหารโดยไม่ต้องจับใบดำ ใบแดงให้เสียเวลาเป็นจำนวนมากกว่าครึ่ง ซึ่ง ผู้ที่สมัครเป็นทหารนี้ สามารถเลือกได้เลยว่าจะไปเป็นทหารที่เหล่าไหน และได้รับสิทธิ์ลดระยะเวลารับราชการทหารอีกด้วย คือ จะได้เป็นทหาร 1 ปีเท่านั้น ถ้าจบระดับอุดมศึกษาแล้วมาสมัครเป็นทหาร จะได้รับราชการทหาร 6 เดือนเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบัน ทหารจะมีเวลาฝึก 2-3 เดือน นอกนั้นทหารจะได้ไปทำหน้าที่ในหน่วยต่างๆของกองทัพต่อไป

ในฤดูของการเกณฑ์ทหาร มักจะพบว่ามีดารานักร้องชายหนีทหารเป็นประจำ โดยหาวิธีหลีกเลี่ยงต่างๆ ซึ่งต่างกับบทบาทที่ปรากฏในวงการบันเทิงที่เป็นผู้ชายเต็มตัว แต่ในการมาคัดเลือกทหารกลับกลายเป็นผู้ชายใจปลาซิว ไม่ค่อยอยากที่จะไปรายงานตัวที่สถานที่ตรวจเลือกทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอายมาก ขนาดสาวประเภทสองยังไปรายงานตัว แล้วผู้ชายเต็มตัวกลับหลบเลี่ยงแบบนี้ ควรไปใส่กระโปรงแทนสาวประเภท 2 จะดีไหม ?

และถึงแม้ว่าทางกองทัพจะได้ประชาสัมพันธ์ว่า เป็นทหารดีอย่างไร มีสปอร์ตโฆษณา ดาราที่เป็นทหารออกมาพูดชักชวนให้เป็นทหารก็แล้ว แต่หลายคนก็ยังสร้างภาพว่า เป็นทหาร ลำบากอยู่ดี หลายคนจึงเรียน ร.ด. 3 ปีไปเลย จะได้ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ แต่สำหรับผมเองแล้ว หลังจากที่เห็นใครต่อใครกลัวถึงขนาดนั้น ชักหมดศรัทธาไปเยอะ ผมเลยไม่สมัครเรียน ร.ด. ไว้ไปคัดเลือกทหารกันเลย เพราะผมอยากหุ่นดี บึกบึน อดทนเข้มแข็งอย่างทหารทุกคน แถวยังมีคุณลุงเป็นนายทหารยศ พันโทซะอีก และอย่างน้อย ในการฝึกทหาร เมื่อต้องฝึกร่วมกับคนอื่นๆ ได้ลำบากร่วมกัน เมื่อถึงจุดที่ทุกคนเหนื่อย ลำบากสุดๆ ทุกข์ ทรมาน แต่ละคนก็จะแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา ใครจะเป็นยังไงก็ดูกันตรงนั้นแหละครับ วัดใจในความเป็นคนกันตรงนั้นเลยว่าตัวตนจริงๆของต่ละคนเป็นยังไงกันบ้าง อย่างน้อยมิตรภาพใหม่ๆก็จะเกิดขึ้นจากที่นี่.. ดังนั้นหลังจากที่ผมเรียนจบ ม.6 เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาถึงปี 2 ถึงคราวไปเกณฑ์ทหาร แต่ก็ต้องขอผ่อนผันเพื่อเรียนให้จบก่อน ผมเลยได้ไปนั่งดูเค้าคัดเลือกทหารหลายครั้ง มาถึงปี 2543 เมื่องานที่รับผิดชอบในปัจจุบันไม่มากเหมือนเมื่อก่อน เอาล่ะวะ… ขอลองทำอย่างที่ตั้งใจไว้เถอะ ยังไงงานที่กำลังรับผิดชอบอยู่ เค้าคงหาคนมาทำแทนได้อยู่หรอกน่า

7 เม.ย. 2543 หลังจากเคลียร์งานเสร็จตอน 6 ทุ่ม ก็มานอนฟังเพลงรอเวลาจนถึง ตี 5 ของวันที่ 8 เม.ย. ก็รีบไปขึ้นรถจากขอนแก่นมาที่กาฬสินธุ์ทันที เข้าไปรายงานตัวที่หอประชุมอำเภอ เขียนคำร้องขอสละสิทธิ์ผ่อนผันทันทีเพื่อเข้ารับการคัดเลือกทันที แม้ว่าผมจะยังสามารถที่จะผ่อนผันต่อไปได้อีกก็ตาม ซึ่งผมได้รับหมายเลข 570 กว่านายทหารจะทำการย้ายบัญชีจากบัญชีพลผ่อนผันและทำการเรียกชื่อเข้าไปรับการตรวจร่างกาย วัดรอบอกและส่วนสูง กว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไป 12.10 น.แล้ว ที่ดูเหมือนแต่ละขั้นตอนจะช้าไปบ้าง เพราะทหารต้องเช็คความถูกต้องทุกขั้นตอน เรียงใบ ส.ด.43 ตามลำดับที่เข้ามา กว่าบัญชีแต่ละชุดจะส่งไปยังโต๊ะต่อไปได้ก็เลยกินเวลาพอสมควร แต่นายทหารทุกคนที่ทำหน้าที่อยู่สมาธิดีมากๆ

สำหรับการคัดเลือกทหาร ก็มีพระภิกษุสามเณรมาร่วมคัดเลือดด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยกเว้นไม่ต้องถอดเสื้อออกมาวัดรอบอด หรือวัดส่วนสูง มารายงานตัวแล้วนั่งรอจับสลากอย่างเดียว

ช่วง 13.00 น. เป็นการเรียกบรรดานักศึกษาที่ทำเรื่องผ่อนผันให้มารายงานตัว ซึ่งถ้าไม่มารายงานตัวก็ถือว่า หลีกเลี่ยง ปีต่อไปถูกจับเป็นทหารเลยโดยไม่มีสิทธิ์จับใบดำใบแดง 14.30 น. ชั่วโมงระทึกใจก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อนายทหารผู้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ได้เชิญกำนันตำบลทั้ง 5 ตำบลมาทำการจับสลากว่า ตำบลไหนจะได้ลุ้นจับใบดำใบแดงก่อนตามลำดับ ผลปรากฏว่า ต.โพนทองเป็นอันดับแรก ตามด้วย ต.เหนือ ต.ภูปอ ต.ขมิ้น และ ต.กาฬสินธุ์ปิดท้ายรายการเหมือนปีที่แล้ว จากนั้นได้เรียกผู้เข้ารับการตรวจเลือกเรียงตามลำดับ ตามตำบล เข้าไปนั่งรอตามลำดับในหอประชุม และปิดท้ายด้วย ต.กาฬสินธุ์ซึ่งผมจะต้องจับสลากเป็นคนที่ 274 จากทั้งหมด 278 คน

ก่อนการจับสลาก ท่านประธานกรรมการตรวจเลือกก็ออกมากล่าวถึงวิธีการจับสลากและแจ้งว่า วันนี้ต้องการน้องๆผู้ที่จะเข้าไปรับใช้ชาติจำนวน 81 คน แต่ได้มีผู้สมัครเป็นทหารและผู้ที่หลีกเลี่ยงไม่มารายงานตัวในปีก่อน ซึ่งในปีนี้ต้องเป็นทหารเลย ได้ทหารใหม่ไปแล้ว 46 คน เหลือที่ต้องการอีก 35 คนเท่านั้น ดังนั้น จะมีใบแดง 35 ใบ และใบดำ 243 ใบ ตามลำดับ

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็ได้เทสลากแต่ละชุดลงในโถ เริ่มจากใบแดงก่อน ซึ่งมีเสียงฮือฮาทีเดียว และตามด้วยใบดำพร้อมเสียงฮือฮาอีกระลอก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เขย่าโถใบนั้นหลายรอบ จากนั้น ประธานกรรมการสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำลายหลักฐานเอกสารที่ใช้ในการตรวจเลือกที่เหลือซึ่งอาจจะมีผู้นำไปใช้ในทางทุจริตได้อีก ต่อหน้าผู้เข้าคัดเลือกทหารทุกคน โดยการเอาเหล็กตอกลงไปให้เอกสารนั้นเป็นรู
พร้อมยกเอกสารทั้งปึกขึ้นโชว์เป็นระยะๆ
แล้วท่านประธานกรรมการก็บอกขั้นตอนการจับสลาก
ตั้งแต่ให้ผู้ที่จะจับสลากใช้มือขวาล้วงหยิบสลาก
ใครใส่เสื้อแขนยาวให้พับแขนเสื้อขึ้น
จับสลากแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่เปิดอ่านสลากใบนั้น
โดยผู้เข้าจับสลากต้องมายืนฟังข้างหน้า
โดยทีนายทหารอีกคนจะยืนจับตัวผู้จับสลากไว้อีกชั้นหนึ่ง
เพราะกลัวว่าจะดีใจมากจนเกินไป จนวิ่งออกไปนอกหอประชุม
คว้าตัวเอาไว้ไม่ทัน ซึ่งหลังจากการจับสลาก
จะต้องมาพิมพ์ลายนิ้วมือและรับใบส.ด. 9
ก่อนกลับบ้านไปด้วย ส่วนผู้ที่จับได้ใบแดง หลังจากรับใบ
ส.ด.9 แล้วยังต้องไปรับหมายนัดเข้ามารับราชการทหาร
ซึ่งผลัดแรกจะเข้ากองประจำการในวันที่ 5 พ.ค.นี้ และผลัด
2 ในวันที่ 5
พ.ย. 2543
หลังจากที่ชี้แจงวิธีการต่างๆเสร็จสิ้น
ก็เริ่มจับสลากกันทันที โดยชาว ต.โพนทองได้ไป 4 ใบแดง
ต.เหนือเอาไป 3 ใบแเดง ต.ภูปอ และต.ขมิ้นได้ไปตำบลละ 4
ใบแดง เมื่อมีใบแดงออกมาที มีเสียงเฮขึ้นมาอื้ออึงไปหมด
แต่พอใบดำถูกจับขึ้นมา มีแต่เสียงถอนหายใจเป็นระยะๆทุกที
ในงานนี้ มีพระภิกษุ 3 รูปมาลุ้นจับใบดำใบแดงด้วย
ซึ่งก็ได้ใบดำทั้ง 3 รูปท่ามกลางเสียงปรบมือของทุกคน
มาถึง ตำบลสุดท้าย ต.กาฬสินธุ์ที่เหลืออีก 20 ใบแดง
ดูเหมือนว่าจะมากเหลือเกินสำหรับคนที่กำลังรอจับสลากและนั่งนับจำนวนใบแดงที่เหลืออยู่อย่างใจจดใจจ่อ
อยากให้จับหมดๆไปเลย ใบดำถูกจับออกไปเรื่อยๆ
บรรดาแถวหลังยิ่งเครียดมากขึ้น ซึ่งในตอนแรก
บรรดาผู้ที่นั่งแถวหลังสุดต่างคาดหมายว่าคงไม่ได้จับสลากแน่ๆแล้ว
เพราะแถวหน้าคงจับใบแดงไปจนหมด แต่ผิดคาด เมื่อเหลืออีก
3 แถว 31 คนสุดท้าย เหลืออีก 10 ใบแดง 3 : 1
เมื่อจับไปจนเหลืออีก 2 แถวสุดท้าย เหลือใบแดงอีก 6 ใบ
2 : 1 แล้วสิครับ แต่ละคนที่รอจับกดดันกันมากขึ้น
ประธานกรรมการตรวจเลือกต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่เอาสลากมาตรวจเช็คอีกที!
รอบสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่มาบอกว่า
เหลืออีก 7 ใบแดง มี 7 คนต้องไปแน่ๆ อีก 13 คนรอด
แถวหน้าแต่ละคนออกไปจับ หยิบออกไป 4 ใบแดง เหลือ 3
ใบสุดท้าย เสียงกรี๊ดยิ่งดังขึ้นตามลำดับ
เจ้าหน้าที่ที่ยืนคุมอยู่นับแล้วนับอีก
พลางชี้คนนั้นคนนี้ โดนแน่ 3 ใน 10 นี้ต้องไปแน่นอน
คนที่ 10 ลุกขึ้นจับก็เจอใบแดงเข้าให้
เสียงกรี๊ดสนั่นหอประชุม คนถัดมา ดำ-ดำ-ดำ
ผมซึ่งนั่งเป็นคนที่ 5 จากท้าย ถึงตรงนี้ทำใจไว้แล้ว
ใบแดงแหงๆเลย เลยลองเสี่ยงอธิษฐานดู ถ้าท่าน อ.นฤมล
หัวหน้าอยากให้ช่วยงานต่อก็ให้หยิบใบดำขึ้นมาได้เถิด
ถ้าอยากได้คนใหม่ก็ให้เจอใบแดง จะได้ไปเป็นทหารให้สมอยาก
คนที่ 6 จากสุดท้าย ลุกขึ้นเดินเข้าไปจับใบแดง 2
ใบสุดท้าย (ที่จริงคือใบแดงใบสุดท้าย
แต่เจ้าหน้าที่หลอกให้เครียดเล่นๆ) ได้ใบดำ..
ผมเลยเดินเข้าไปมั่ง
ไว้โถทีนึงแล้วล้วงเข้าไปหยิบมาใบนึง ส่งให้เจ้าหน้าที่
แล้วออกมายืนทำใจ มองดูเจ้าหน้าที่คลี่สลากในมือออก
ตัวหนังสือที่ปรากฏขึ้นมา
"สีแดง!"
เฮ้อ วันที่ 5 พ.ค.ก็คงต้องมารายงานตัวเข้ากองประจำการที่นี่อีก
คงต้องรีบไปเก็บของ คืนหอ
บอกลาหลายๆคนที่ห้อง lab
ไปเปลี่ยนบรรยากาศแถวจังหวัดทหารบกเพชรบุรีซักปี….

" ใบดำ ! "
หา! คราวนี้ เลยมองดูที่สลากอีกครั้ง ตื่นเลยครับ เมื่อคืนคงเพราะไม่ได้นอน เห็นสีดำกลายเป็นสีแดง ผมเลยเดินไปพิมพ์ลายนิ้วมือและรับใบ ส.ด.9 แบบงงๆ ส่วนคนที่ได้ใบแดงใบสุดท้าย ก็คือคนที่ 2 จากท้ายสุดที่พูดตอนแรกว่า ยังไงก็ไม่ได้จับใบแดงชัวร์ บางทีเรื่องที่คิดว่าน่ากลัว ถ้าได้เข้ามาสัมผัสแล้ว มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก ก็แค่ๆหวาดเสียวตื่นเต้น ลุ้นทุกวินาที เป็นรสชาติของชีวิตอีกรสชาติหนึ่งเท่านั้นเอง ชีวิตย่อมมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องลุ้นมากกว่านี้ อย่าพึ่งไปกลัวถ้ายังไม่ได้เจอกันจังๆ ..ว้า เลยไม่ได้มีเรื่องมันส์ๆจากการฝึกทหารปี 2000 มาเล่าใน Net เลยสิครับทีนี้

บันทึกชิ้นนี้ เขียนขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเวบไซต์
"เป็นทหาร ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด"
ของเพื่อนที่เป็นทหารในกรมการกำลังสำรองทหารบก

9 เม.ย. 2543

[ Previous 5 | Previous| List All| Next | Next 5 ]

Send message to writer